กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลปลาบ่า จังหวัดเลย
ผลงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่าการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายเป็นประจำส่งผล
โดยตรงต่อการป้องกันโรคเบาหวานโดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากกรรมพันธุ์ ทั้งยังเป็นการควบคุมโรคเบาหวานและป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานได้เป็นอย่างดี การควบคุมโรคเบาหวานที่ดีที่สุดทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย ทั้งสองพฤติกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผู้ที่มีส่วนร่วมในการควบคุมโรคมากที่สุด ได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวานเองและผู้ที่อยู่รอบตัวผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดและทำความเข้าใจกันได้ง่าย แต่การนำไปปฏิบัติเป็นเรื่องยาก กลยุทธ์สำคัญที่จะใช้ในการกระตุ้นความตระหนักของผู้ป่วยและญาติถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน คือ การทำกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วยเบาหวานอื่นๆ การพบปะพูดคุยและร่วมกิจกรรมกับผู้ป่วยอื่นจะทำให้ผู้ป่วยเบาหวานรู้สึกว่าตนเองไม่ผิดแปลกไปจากผู้อื่นในสังคม จึงทำให้ผู้ป่วยเกิดกำลังใจและมีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมากขึ้น (โรงพยาบาลเทพธารินทร์,๒๕๔๙) ดังนั้น กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลปลาบ่า จึงจัดทำโครงการนี้ขึ้น
วัตถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานได้เรียนรู้เรื่องโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน การใช้ยา การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร และการประเมินผลเบาหวานด้วยตนเอง
๒. เพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานและส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพเป็นประจำอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
พื้นที่ดำเนินการ
- ประชาชนอายุ๑๕ – ๓๔ ปี ม.๑,๒,๕ ตำบลปลาบ่า จำนวน ๕๗๖ คน
- ประชาชนอายุ ๓๕ ปีขึ้นไป ม.๑,๒,๕ ตำบลปลาบ่า จำนวน ๗๐๐ คน
วิธีดำเนินการ
๑. เสนอร่างโครงการที่ประชุมกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลปลาบ่า
๒.เสนอโครงการเพื่อขออนุมัติงบประมาณ
๓.ประชุมคณะกรรมการทีมสหวิชาชีพ เพื่อชี้แจงทำแผนดำเนินงานโครงการ
๔. แต่งตั้งคณะทำงาน และจัดตั้งทีมวิทยากรค่ายเบาหวาน จากบุคลากรของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
๕.จัดเตรียมแบบทดสอบความรู้ก่อนและหลัง การเข้าร่วมกิจกรรม
๖. ดำเนินงานตามแผน
๗. สรุปผลการดำเนินงาน
ระยะเวลาดำเนินการ
เดือน พฤษภาคม – กันยายน ๒๕๕๗
ผู้ป่วยเบาหวานใน หมู่ ๑,๒,๕ ตำบลปลาบ่า จำนวน ๖๐ คน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑. ผู้ป่วยเบาหวานตระหนักถึงความสำคัญของโรคเบาหวาน และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
๒. ผู้ป่วยเบาหวาน มีการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง และกระจายความรู้สู่ครอบครัวและชุมชน
๓. ป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานในอนาคต